เรื่องประหลาดของโลกใบนี้ ภาค1
1. ทำไมคนบางกลุ่มถึงยึดมั่นถือมั่นว่าประชาธิปไตยต้องเป็นระบอบการปกครองเพียงหนึ่งเดียวของโลกใบนี้
ทั้งๆที่ระบอบการปกครองเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเหมือนกันหมด
ทำไมทุกประเทศต้องเป็นประชาธิปไตย
ทำไมไม่คิดว่าแต่ละประเทศควรจะสร้างระบอบการปกครองที่เหมาะสมกับแต่ละประเทศ
ทำไมไม่ตั้งคำถามบ้างว่าทำไมทุกประเทศต้องปกครองเหมือนๆกันด้วย
ถ้าทุกคนคิดว่าประเทศต้องเป็นประชาธิปไตยเหมือนกันหมดมันก็เกิดการผูกขาดทางความคิดสิครับ มันก็จัดว่าเป็นเผด็จการอย่างหนึ่งหรือไม่ที่จะให้ทุกคนคิดเหมือนกันหมด
2. ทำไมไม่ยอมรับว่าโลกใบนี้ผู้มีอำนาจในการปกครองคือผู้ที่มีกำลังรบ
ทั้งๆที่ในอดีตจนถึงปัจจุบันผู้ที่มีความสามารถในการควบคุมกำลังรบให้อยู่ในมือได้ก็กลายเป็นผู้ปกครองทั้งนั้น
อำนาจบริหารที่ไม่สามารถควบคุมกำลังทหารไว้ได้ย่อมศูนย์เสียอำนาจในการปกครอง
อย่างประเทศมหาอำนาจบางประเทศยังต้องใช้การสร้างสงครามนอกประเทศเพื่อให้ฝั่งทหารได้มีบทบาทและหาทางป้อนงบประมาณเพื่อซื้อใจทหารเลยด้วยซ้ำ
มันคือกุศโลบายใยการควบคุมกำลังรบไว้ในมืออย่างนึง
ดังนั้นการที่ฝ่ายบริหารไม่สามารถควบคุมกำลังรบไว้ในมือได้มันไม่ใช่ความผิดของทหารควรจะเป็นความด้อยความสามารถในการบริหารจัดการองค์กรที่เป็นอำนาจหลักของความมั่นคงทางการปกครองอย่างทหาร
หรือพูดง่ายๆก็คือไม่มีความสามารถในการซื้อใจุบุคคลากรส่วนหนึ่งของรัฐที่ถือครองความเป็นตายของอำนาจบริหาร
ซึ่งพนักงานของรัฐส่วนนั้นเรียกว่าทหารนั่นเอง
3. การที่ไม่ยอมรับว่าในสังคมมันไม่เคยมีความเท่าเทียมกันมันหลอกตัวเองรึเปล่า
มันเป็นเรื่องจริงที่ว่ามนุษย์ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในตัวเอง
แต่เมื่อมาอยู่รวมกันเป็นสังคม
เมื่อในสังคมแต่ละแบบต้องมีการปกครอง
เมื่อมีการปกครองย่อมต้องมีลำดับชั้น
อย่างทุนนิยมเองเป็นตัวอย่างที่ดีในการชี้ให้เห็นถึงความไม่เท่าเทียมกันทางสังคมเป็นอย่างดี
คนรวยย่อมมีสิทธิเหนือกว่าคนจน เพราะทุกคนทำงานเพื่อเงิน ธุรกิจต่างๆเองก็ต้องการลูกค้าที่มีเงิน จึงเอาใจใส่คนมีเงินที่จะซื้อสินค้าตัวเองมากกว่า
แม้แต่ระบอบการปกครองในบริษัทเอกชนมีความชัดเจนมากในเรื่องของการยอมรับระบอบเผด็จการโดยความเต็มใจระหว่างชนชั้นปกครองกับชนชั้นผู้ถูกปกครอง
และชัดเจนในเรื่องอำนาจนิยมและยังเป็นการคงอยู่ของการปกครองระบอบกษัตริย์อย่างชัดเจน
แต่มันถูกย่อส่วนมาอยู่ในรูปแบบขององค์กรที่เล็กลง
ถามว่าตำแหน่งกษัตริย์ในอดีตได้มาอย่างไร
ผู้ที่เป็นกษัตริย์ในอดีตก็คือผู้ที่เป็นผู้นำสูงสุดในการสร้างประเทศ, กอบกู้ประเทศ, ปกป้องประเทศ, พัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง จึงได้รับการยกย่องเป็นกษัตริย์ และมีการสืบทอดอำนาจรุ่นต่อรุ่น
บริษัทก็เป็นเช่นนั้นใช่หรือไม่
เจ้าของบริษัทก็คือกษัตริย์ผู้สร้างบริษัท, ปกป้องบริษัท, กอบกู้บริษัท, พัฒนาบริษัทจนเจริญรุ่งเรือง บริษัทเองก็มีการสืบทอดอำนาจรุ่นต่อรุ่นเช่นกัน
ดังนั้นบริษัทนั้นก็ถือเป็นอาณาจักรที่เจ้าของบริษัทเป็นกษัตริย์ปกครองอยู่
ผู้บริหารบริษัทก็คือระบอบขุนนางที่กษัตริย์อต่งตั้งให้มาดูแลแคว้นต่างๆที่เรียกว่าฝ่ายแต่ละฝ่ายนั่นเอง
(มีใครเคยประท้วงมั๊ยครับว่าให้ตำแหน่งผู้บริหารต้องมาจากการเลือกตั้งของพนักกงานเท่านั้น)
เมื่อมีการต่อต้านอำนาจของผู้บริหารและเจ้าของบริษัทหรือมีการทำผิดกฏของบริษัทก็ต้องมีการลงโทษ หนักสุดคือไล่ออก ก็คือเนรเทศออกจากอาณาจักรนั่นเอง
ในความเป็นจริงมีใครคิดว่าบริษัทเป็นของทุกคนในบริษัทดังนั้นทุกคนในบริษัทคือเจ้าของบริษัทมั๊ยครับ นอกจากบริษัทจะมีนโยบายให้พนักงานทุกคนคิดแบบนั้นเพื่อทำงานถวายหัวให้บริษัท
แต่จริงๆแล้วมีใครกล้าไปบอกว่าจะล้มเจ้าของแล้วยึดบริษัทมาเป็นของพนักงานทุกคนมั๊ยครับ
แสดงว่าทุกคนยอมรับการปกครองครองระบอบกษัตริย์และเผด็จการมานานแล้ว
แม้แต่อเมริกาที่ต่อต้านระบอบกษัตริย์และเผด็จการเองก็ยอมรับระบอบกษัติริย์และเผด็จการแบบย่อส่วนนี้
ทุกคนที่อยู่ในอาณาจักรที่ปกครองระบอบกษัตริย์และเผด็จการแบบย่อส่วนที่เรียกว่าบริษัทนี้ก็ยอมถูกจำกัดสิทธิของตัวเองและก้มหน้าก้มตารับใช้เจ้าของบริษัท
และทำงานเพื่อเพิ่มพูนทรัพย์สินให้แก่เจ้าของบริษัทที่เป็นกษัตริย์ของอาณาจักรบริษัท
ทั้งๆที่ตนเองเป็นผู้อาบเหงื่อต่างน้ำทำงานแทบตายเพื่อแลกกับความมั่นคงในชีวิตและเงินเดือนซึ่งน้อยมากเมื่อเทียบกับผลประโยชน์ที่เจ้าของบริษัทจะได้รับมากมายมหาศาล
ดังนั้นบริษัทคือระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชของจริงที่ยังคงอยู่และไม่มีใครล้มล้างได้
และทุกคนบนโลกใบนี้ก็ยอมรับการถูกจำกัดสิทธิและยอมรับระบอบสมบูณาญาสิทธิราชและอำนาจนิยมเมื่อเข้ามาอาศัยอยู่ในอาณาจักรที่เรียกว่าบริษัทนั่นเอง